เหวินถงกับต้นไผ่

“..เมื่อเหวินถงวาดรูปต้นไผ่ เขาเห็นเพียงต้นไผ่ มิได้มองเห็นผู้คน..” —

เมื่อเหวินถงวาดรูปต้นไผ่
เขาเห็นเพียงต้นไผ่
มิได้มองเห็นผู้คน..

แลไม่เห็นผู้คน
เพลิดเพลินตนลืมกระทั่งตนเอง
ตัวเขาเองกลับกลายเป็นต้นไผ่
แตกหน่อผลิใบใหม่มิรู้สิ้นสุด…

(จากหนังสือวิถีแห่งเต๋า หน้า 217)


ข้อความข้างต้นนี้แปลมาจากบทกวีที่ ซูดงปัว กวีเอกชาวจีนได้เขียนบรรยายไว้ในภาพไผ่ของ เหวินถง (Wen Tong : ค.ศ.1018-1079) จิตรกรจีนผู้ได้รับคำยกย่องว่าสามารถถ่ายทอดวิญญาณของต้นไผ่ออกมาได้อย่างเป็นธรรมชาติ ราวกับว่า “..เขาได้กลับกลายเป็นต้นไผ่ต้นหนึ่ง กายได้กลายเป็นลำต้น แขนขาได้กลายเป็นกิ่งก้าน ใบสีเขียวเรียวเล็กผลิสล้างออกมาแกว่งไกวอยู่กับสายลม..” (‘วิถีแห่งเต๋า’ หน้า 220)

การหลอมรวมตัวเองเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาตินี้ ไม่ได้เป็นเรื่องพิสดารซับซ้อน ที่ต้องอาศัยวรยุทธสูงส่ง พลังภายในลึกล้ำ แต่มันอาจจะเป็นแค่การยอมที่จะไม่เป็นอะไรเลย ไม่มีอะไรเลย ยอมปล่อยวางแม้กระทั่งตัวตนลง เพื่อเปิดรับสิ่งต่างๆ ด้วยความเป็นอิสระอย่างแท้จริง

..เมื่อเหวินถงวาดรูปต้นไผ่ เขาเห็นเพียงต้นไผ่ มิได้มองเห็นผู้คน.. สภาวะของสมาธิที่ลึกและเข้มข้นนี้ เริ่มต้นมาจากการมองแบบธรรมดา แล้วค่อยๆ ปล่อยวางกระบวนการวิเคราะห์วิจารณ์ภายใน เสียงของความคิดที่คอยสั่งให้เราหลุดจากความเป็นธรรมดา เพื่อพยายามเป็นอะไรสักอย่างที่พิเศษ เราเพียงมองและ ‘อยู่’ กับมัน

เมื่อเราเริ่มต้นที่จะ ‘อยู่’ กับมัน การมองจะมิได้ใช้เพียงตา แต่เราจะสามารถเปิดรับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าผ่านสัมผัสอื่นๆ พร้อมๆ กัน

..เราจะรู้สึกถึงมัน


..เสียงของกิ่งและใบไผ่ที่เสียดสีกันยามไหวตัวตามแรงลม กลิ่นอ่อนๆ ของดินและต้นหญ้า สีสันที่ไล่เฉดตามแก่อ่อน กระทั่งแสงเงาที่ส่องลอดยอดไม้ลงมา

การกลับไปมองอย่างธรรมดา จึงเป็นคล้ายการกลับไปมองทุกอย่างดั่งเป็นเพียงทารกน้อยที่เพิ่งเห็นโลก ปราศจากความหมาย ไร้ถ้อยคำ สิ่งที่ถูกมองมิได้ถูกคาดหวัง ไม่ได้ถูกตัดสิน ..กำแพงที่เคยขวางกั้นเราไว้กับสิ่งต่างๆ จึงค่อยๆ สลายลงไป จนทำให้เราค่อยๆ เข้าใจความเป็นสิ่งนั้น และรับรู้ถึงประสบการณ์บางอย่างของมันราวกับได้หลอมรวม

“..ตัวเขาเองกลับกลายเป็นต้นไผ่ แตกหน่อผลิใบใหม่มิรู้สิ้นสุด..”


เกด ถนอมศักดิ์
3 ก.ย. 2564
(เผยแพร่ในเว็บ artforselfawareness.com)